tag:blogger.com,1999:blog-12505209967592573132024-03-13T13:39:02.582-07:00LANGUAGE EXPERIENCES FOR EARLY CHILDHOODแฟ้มสะสมงาน วิชา การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยน.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.comBlogger10125tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-60858404898376880212010-03-02T20:54:00.000-08:002010-03-03T08:04:49.135-08:00สอบปลายภาค1. ในการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยท่านต้องศึกษาในเรื่องใดบ้าง<br /><br /><br /><ul><li><div align="left">ความหมายของการจัดประสบการณ์ทางภาษา</div></li><li><div align="left">ความสำคัญของการจัดประสบการณ์ทางภาษา</div></li><li><div align="left">ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา</div></li><li><div align="left">จิตวิทยาการเรียนรู้</div></li><li><div align="left">แนวคิดนักการศึกษา</div></li><li><div align="left">หลักการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย</div></li></ul><p>2. การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยมีวัตถุประสงค์อะไร</p><ul><li>เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสใช้ภาษา</li><li>เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้การใช้คำใหม่</li><li>เพื่อให้เด็กเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นพูด</li><li>เพื่อให้เด็กได้รู้จักออกเสียงให้ถูกต้อง</li><li>เพื่อให้เด็กสื่อสารกันผู้อื่นได้ด้วยความเข้าใจ</li></ul><p>3. หลักการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยมีอะไรบ้าง</p><ul><li>การจัดประสบการณ์ทางภาษาจะต้องประกอบด้วยทักษะทั้ง 4 ด้าน คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน</li><li>ส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ภาษาอย่างอิสระ</li><li>เปิดโอกาสให้เด็กได้ลองใช้ภาษากับหลายๆคน</li><li>ให้ผู้ปครองมีส่วนร่วมในการจัดประสบการณ์ทางภาษาของเด็ก</li></ul><p>4. แนวทางการให้ความรู้กับผู้ปกครองเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา</p><ul><li>ให้ผู้ปกครองคอบดูแล เอาใจใส่ พูดคุยกับเด็กบ้าง</li><li>สอนให้เด็กได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ</li><li>รับฟังเมื่อเด็กต้องการพูด</li><li>พาเด็กไปสถานที่ใหม่ๆเพื่อให้เด็กมีประสบการณ์ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ</li><li>ปล่อยให้เด็กได้พูดอย่างอิสระ</li><li>เพลงก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยในเรื่องของพัฒนาภาษา</li><li>คอบพูดคุย ให้เด็กได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่เด็กได้พบเห็น</li></ul><p>5. กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา</p><p> ชื่อกิจกรรมสนทนายามเช้า</p><p> วัตถุประสงค์ </p><ul><li>เพื่อให้เด็กได้รู้จักการเล่าเรื่อง</li><li>ฝึกให้เด็กรู้จักใช้ความคิดในการตอบคำถาม</li><li>เด็กได้สื่อสารกับผู้อื่น</li><li>ให้เด็กรู้จักสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้</li></ul><p> กิจกรรม</p><ul><li>พูดคุยกับเด็ก เกี่ยวกับสิ่งที่เด็กประทับใจที่สุด โดยให้เด็กนำสิ่งของ หรือของเล่นที่ชอบที่สุดมาจากที่บ้าน แล้วเข้าไปพูดคุย ซักถามว่าเพราะเหตุใด มีสาเหตุมาจากอะไร ให้เด็กได้เล่าถึงความประทับใจใจสิ่งของที่เขาเตรียมมา</li></ul><p> ประเมินผล</p><ul><li>สังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม</li><li>สังเกตการใช้คำพูด การสื่อสารอย่างเข้าใจ</li><li>สังเกตการใช้คำอย่างถูกต้อง และออกเสียงชัดเจน</li><li>สังเกตท่าทางระหว่างพูดคุย</li></ul>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-22337720577257038742010-02-18T09:34:00.000-08:002010-02-18T09:36:01.161-08:00กิจกรรมสร้างเสริมทักษะทางภาษา สำหรับผู้ปกครองดนตรีช่วยสร้างเสริมพัฒนาทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย<br /><br /> ดนตรีช่วยให้เด็กรู้จักฟังและแยกความแตกต่างของระดับเสียง สูง ต่ำ ดัง ค่อย หนัก เบา แหลม ทุ้ม รู้จักแยกอัตราจังหวะ ช้า ปานกลาง เร็ว ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการฟังคำพูดที่ประกอบไปด้วยเสียงหนัก - เบา และเสียงวรรณยุกต์ทางภาษาที่แตกต่างกัน ดนตรีจะช่วยพัฒนาทักษะทางด้านต่าง ๆ อาทิ การเขียน การพูด การอ่านออกเสียงของเด็ก เพราะในขณะที่เด็กร้องเพลง เด็กจะต้องรู้จักควบคุมการหายใจ รู้จักควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูด รู้จักจังหวะ ของคำพูด รู้จักรูปประโยคที่ถูกต้อง และเด็กจะชอบเล่นกับคำพูด ซึ่งเป็นบทคล้องจองที่อยู่ในเพลงนั้น เนื่องจากเพลงทุกเพลงจะต้องมีเนื้อร้องที่สัมผัสกัน เช่น นกเอยนกน้อยน้อย เจ้าค่อยค่อยเคลื่อนคล้อยมา คำว่าน้อยสัมผัสกับค่อย ลักษณะของคำที่คล้องจองกันเช่นนี้ ทำให้เด็กสามารถจำเพลงได้ง่ายขึ้นน.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-5977812138801240732010-02-18T03:32:00.000-08:002010-02-18T09:47:57.802-08:00<p><a href="http://3.bp.blogspot.com/_n2khg0Q5Ndk/S30lXTjavSI/AAAAAAAAADM/Q_S6prm3Zrk/s1600-h/_1_~4.JPG"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 400px; DISPLAY: block; HEIGHT: 248px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5439545007249472802" border="0" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_n2khg0Q5Ndk/S30lXTjavSI/AAAAAAAAADM/Q_S6prm3Zrk/s400/_1_~4.JPG" /></a><br /><a href="http://4.bp.blogspot.com/_n2khg0Q5Ndk/S319MgE2bUI/AAAAAAAAADs/r-PZG8LFWGs/s1600-h/spd_20080827222612_b.jpg"><img style="MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 106px; FLOAT: right; HEIGHT: 154px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5439641578655608130" border="0" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_n2khg0Q5Ndk/S319MgE2bUI/AAAAAAAAADs/r-PZG8LFWGs/s200/spd_20080827222612_b.jpg" /></a><br /><span style="font-family:arial;">- อาจารย์ให้นักศึกษาทำมายแมบจากโปรแกรม Mindmapper แล้วนำลงบล็อก </span></p><p><span style="font-family:arial;"><br />- อาจารย์ให้ทุกคนเล่านิทานเรื่องแม่ไก่สีแดง คนละ 1 ประโยค ซึ่งจะทำให้เห็นว่า นิทานเรื่องแม่ไก่มีแดง ของแต่ละคน จะมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน แล้วให้นักศึกษา</span><span style="font-family:arial;">ร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องแม่ไก่สีแดง</span></p><br /><p></p>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-69475276040825233122010-02-18T03:28:00.000-08:002010-03-03T08:27:25.429-08:00สรุปผลการจัดกิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์ทางภาษา<span style="font-family:arial;">- แต่ละกลุ่มนำเสนอผลการสังเกตเด็ก จากการได้ไปจัดกิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์ทางภาษา<br />- อาจารย์ได้มีการซักถาม และแนะนำการใช้คำถามกับเด็ก การเพิ่มเติมเนื้อหารายละเอียดในการนำเสนอ<br />- อาจารย์ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของรูปภาพของปริศนาคำทาย</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><br /><p style="visibility:visible;"><object type="application/x-shockwave-flash" data="http://widget-8f.slide.com/widgets/slideticker.swf" height="300" width="350" style="width:350px;height:300px"><param name="movie" value="http://widget-8f.slide.com/widgets/slideticker.swf" /><param name="quality" value="high" /><param name="scale" value="noscale" /><param name="salign" value="l" /><param name="wmode" value="transparent"/> <param name="flashvars" value="cy=ms&il=1&channel=1585267068859916175&site=widget-8f.slide.com"/></object><p style="white-space:nowrap"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=1585267068859916175&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-8f.slide.com/p1/1585267068859916175/ms_t000_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=1585267068859916175&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-8f.slide.com/p2/1585267068859916175/ms_t000_v000_s0un_f00/images/xslide2.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=1585267068859916175&map=F" target="_blank"><img src="http://widget-8f.slide.com/p4/1585267068859916175/ms_t000_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" border="0" ismap="ismap" /></a></p></p>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-70010507230116628282010-02-18T03:27:00.000-08:002010-02-18T04:40:54.056-08:00นิทานปริศนาคำทาย<span style="font-family:arial;">อาจารย์ตรวจสอบงานปริศนาคำทาย และอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม<br />- การทำ Power Point<br />- การจัดรูปแบบตัวอักษร<br />- สีพื้นหลัง<br />- การใส่รูปภาพ<br />อาจารย์ได้มีการตรวจสอบงานอย่างละเอียดเป็นรายบุคคล ได้มีการชี้แจงสิ่งที่ต้องแก้ไข และเพิ่มเติม อธิบายรูปแบบผลงานโดยรวมว่าต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง ซึ่งอาจารย์ได้มีการยกตัวอย่างให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ซักถามข้อสงสัย ทำให้บรรยากาศในการเรียนการสอนมีความน่าสนใจ ทุกคนตั้งใจรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับงาน<br /></span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;"><br /></span><span style="font-family:arial;"></span><br /><br /><p style="visibility:visible;"><object type="application/x-shockwave-flash" data="http://widget-12.slide.com/widgets/slideticker.swf" height="320" width="426" style="width:426px;height:320px"><param name="movie" value="http://widget-12.slide.com/widgets/slideticker.swf" /><param name="quality" value="high" /><param name="scale" value="noscale" /><param name="salign" value="l" /><param name="wmode" value="transparent"/> <param name="flashvars" value="cy=ms&il=1&channel=1585267068859888402&site=widget-12.slide.com"/></object><p style="white-space:nowrap"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=1585267068859888402&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-12.slide.com/p1/1585267068859888402/ms_t003_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=1585267068859888402&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-12.slide.com/p2/1585267068859888402/ms_t003_v000_s0un_f00/images/xslide2.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=1585267068859888402&map=F" target="_blank"><img src="http://widget-12.slide.com/p4/1585267068859888402/ms_t003_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" border="0" ismap="ismap" /></a></p></p>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-34917303653348604402010-02-18T03:24:00.000-08:002010-02-18T03:26:17.266-08:00การจัดกิจกรรมสร้างเสริมประสบการณทางภาษา<span style="font-family:arial;">1. อาจารย์ให้จัดทำตารางการจัดกิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์ทางภาษา<br />- ชื่อและรายละเอียดกิจกรรม<br />- ผู้รับผิดชอบ<br />- วัน/เวลาที่ใช้จัด<br />และอาจารย์ให้สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบและวิธีการจัดกิจกรรม<br />2. อาจารย์ตรวจสอบความถูกต้องของการจัดทำปริศนาคำทาย และแนะนำ อธิบายเพิ่มเติม<br />3. บรรยากาศในการเรียนการสอน<br />อาจารย์ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ในการทำปริศนาคำทาย มีนักศึกษาบางคนยังทำมาไม่ค่อยถูก ซึ่งอาจารย์ได้แนะนำแนวทางเพิ่มเติม และให้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง ครบถ้วน</span>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-11477902563871552622010-02-18T03:19:00.000-08:002010-02-18T03:27:10.341-08:00การนำเสนองาน<span style="font-family:arial;"><br /></span><br /><span style="font-family:arial;">แต่ละกลุ่มนำเสนองานจากการศึกษาค้นคว้าในหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย<br /></span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>กลุ่ม 1 ความหมายของภาษา<br /></strong>ภาษา คือ เสียงหรือกิริยาอาการที่ทำความเข้าใจกันได้ เช่น คำพูดถ้อยคำที่ใช้พูดจากัน<br />ภาษามี 2 ประเภท คือ วัจนภาษา และอวัจนภาษา<br />ความสำคัญของภาษา<br />- ทำให้สื่อสารได้เข้าใจตรงกัน<br />- ทำให้เกิดความสัมพันธ์ ความเข้าใจ ความรักกันในชุมชนที่มีวัฒนธรรมการใช้ภาษาเดียวกัน<br /><strong></strong></span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>กลุ่ม 2 ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา<br /></strong>เพียเจต์ กล่าวว่า การเรียนรู้เกิดจากกระบวนการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง<br />เพียเจต์แบ่งลำดับขั้นพัฒนาการ ดังนี้<br />ขั้นที่ 1 (แรกเกิด-2ปี) ใช้ประสาทสัมผัสและเคลื่อนไหว<br />ขั้นที่ 2 (2-7ปี) คิดก่อนปฏิบัติการ<br />ขั้นที่ 3 (7ปีขึ้นไป) คิดแบบรูปธรรม<br />ขั้นที่ 4 คิดแบบนามธรรม<br />การนำไปใช้ในการจัดการศึกษา<br />- เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือกระทำผ่านประสาทสัมผัสทั้ง5<br />- ให้เด็กได้ใช้ภาษาโดยการพูดคุย สอบถาม เพราะภาษามีความสำคัญต่อการพัฒนาสติปัญญา<br />บรูเนอร์ กล่าวว่า การเรียนรู้ของคนจะมีประสิทธิภาพเพียงใดขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางสมอง จึงควรส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้โดยผ่านประสบการณ์ตรง เด็กได้ลงมือกระทำ<br />บรูเนอร์แบ่งขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาและการคิด ออกเป็น 3 ขั้น<br />1. ขั้นการเรียนรู้ด้วยการกระทำ<br />2. ขั้นการเรียนรู้ด้วยภาพและจินตนาการ<br />3. ขั้นการเรียนรู้ด้วยสัญลักษณ์<br /><strong></strong></span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>กลุ่ม 3 จิตวิทยาการเรียนรู้<br /></strong>องค์ประกอบสำคัญของการเรียนรู้<br />- แรงขับ เป็นพลังความต้องการภายในตัวบุคคล<br />- สิ่งเร้า เป็นตัวกระตุ้น<br />- การตอบสนอง เป็นปฏิกิริยาที่แสดงออกเมื่อได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า<br />- การเสริมแรง เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลที่มีผลในการเพิ่มพลัง<br /><strong></strong></span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>กลุ่ม 4 เรื่อง แนวคิดนักการศึกษา</strong></span><br /><span style="font-family:arial;">การสอนภาษาแบบองค์รวม คือการสอนที่เป็นไปตามธรรมชาติ เน้นสื่อที่มีความหมาย ประสบการณ์เดิมหลักการอ่านและเขียนภาษาแบบองค์รวม<br />1.ผู้อ่านต้องต้องเก็บข้อมูลและทำความเข้าใจความหมายข้อความที่อ่าน<br />2.กระบวนการอ่านต้องเชื่อมโยงกับรูปภาพที่เด็กเห็น<br />3.การเขียนจะเน้นความสัมพันธ์นักทฤษฎีดิวอี้ เกิดจากประสบการณ์การลงมือกระทำไวกอตสกี การเรียนรู้จาการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลใกล้เคียงฮอลลิเดย์ สถานการณ์ในสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อภาษาสำหรับเด็ก<br /><strong></strong></span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>กลุ่ม 5 เรื่อง การจัดประสบการณ์สำหรับเด็ก</strong></span><br /><span style="font-family:arial;">หลักการจัดการเรียนรู้ทำให้เด็กเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับพัฒนาการ เพื่อส่งเสริมทักษะทางด้านการฟัง พูด อ่าน เขียนและต้องผ่านการลงมือกระทำ ทดลอง ปฏิบัติจริง บนพื้นฐานอย่างอิสระ<br /><br /><br /></span><span style="font-family:arial;"></span>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-66045732921705965712009-12-03T01:49:00.000-08:002009-12-03T01:52:16.136-08:00เทคนิคการสอนภาษา<span style="font-family:arial;"><strong><span style="font-size:130%;">เทคนิคการสอนภาษา<br /></span></strong> การสอนภาษาสำหรับเด็ก ไม่ใช่เพียงการสอนเฉพาะทักษะการอ่านและการเขียนเท่านั้นแต่ต้องรวมถึงทักษะการฟัง การพูดด้วย</span><br /><span style="font-family:arial;"><br /><strong> แนวคิดพื้นฐานของการสอนภาษา</strong><br />1. ครูจะต้องทราบว่าเด็กเรียนรู้อย่างไร<br />2. ประสบการณ์ทางภาษาของเด็กเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา<br />3. เชื่อว่าเด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้<br />4. เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้าเราสอนแบบ Whole Language คือ<br />4.1 สอนอย่างเป็นธรรมชาติ<br />4.2 สอนอย่างมีความหมายต่อเด็ก<br />4.3 สอนให้เด็กสามารถนำคำที่สอนไปใช้ได้<br />4.4 เนื้อหาที่จะสอนต้องอยู่ในชีวิตประจำวันที่เด็กใช้ได้<br />5. เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้ามาจากการตัดสินใจของเด็กเอง<br />6. ให้เด็กรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในห้องเรียนนั้นๆ<br />7. ไม่ให้เด็กรู้สึกว่ากำลังแข่งขัน<br />8. ครูต้องสอนทักษะไปพร้อมๆกันและเกี่ยวข้องกัน<br />9. ทำให้การเรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจและสนุกสนาน<br /><strong></strong><br /><strong>ควรสอนภาษาเด็กอย่างไร<br /></strong>1. เริ่มจากสิ่งที่เด็กรู้แล้วและอยู่ในความสนใจของเด็ก<br />2. ให้ความเคารพและยอมรับในภาษาที่เด็กใช้<br />3. การประเมินโดยการสังเกต<br />4. ใช้วิธีการประเมินที่เหมาะสม<br />5. เสนอความคิดต่อผู้ปกครอง<br />6. ส่งเสริมให้เด็กเรียนอย่างกระตือรือร้น<br />7. สร้างความรู้สึกประสบความสำเร็จและให้กำลังใจ<br />8. ให้เด็กอ่านสิ่งที่เด็กคุ้นเคย<br />9. อ่านให้เด็กฟังจากแหล่งต่างๆ<br />10. จัดประสบการณ์การอ่านและส่งเสริมให้เด็กลงมือกระทำ<br />11. ส่งเสริมให้เด็กรู้จักกล้าลองผิดลองถูก<br />12. พัฒนาทางด้านจิตพิสัยและพัฒนาให้เด็กมีความรักในภาษา<br /><br /><strong>ข้อควรปฏิบัติในการสอนภาษา<br /></strong>1. ควรสอนในสภาพที่เป็นธรรมชาติที่สุด<br />2. ควรสอนโดนไม่มีการแบ่งแยกกลุ่มเด็กเก่งเด็กอ่อน<br />3. การที่เด็กเกิดมาพร้อมกับความสนใจอยากรู้อยากเห็น จะเป็นแรงกระตุ้นให้สามารถจำคำต่างๆได้<br /><br /></span>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-4420034612923039392009-12-03T00:42:00.000-08:002009-12-03T01:07:03.614-08:00การสอนภาษาแบบองค์รวม (Whole Language Approach)<div align="left"><span style="font-family:arial;"><strong><span style="font-size:130%;">การสอนภาษาแบบองค์รวม</span></strong> </span></div><span style="font-family:arial;"><div align="left"><br /> <strong>ความหมายการสอนภาษาแบบองค์รวม</strong> (Whole Language Approach) หมายถึง การสอนภาษาที่เป็นไปตามธรรมชาติ เน้นสื่อที่มีความหมาย ผู้เรียนสามารถใช้ประสบการณ์เดิมช่วยทำให้เข้าใจสื่อที่อ่านได้รวดเร็วขึ้น การสอนจะไม่แยกสอนส่วนย่อยของภาษาทีละส่วนแต่เน้นให้เข้าใจในภาพรวมก่อน แล้วจึงเรียนรู้ด้านโครงสร้างภาษาภายหลัง ผู้เรียนสามารถสร้างสรรค์ภาษาของตนเองอย่างอิสระ ผู้สอนต้องยอมรับความแตกต่างด้านการออกเสียงที่เป็นสำเนียงภาษาถิ่น(dialects) ในเบื้องต้น แล้วจึงพัฒนาให้ถูกต้องในโอกาสต่อไป การสอนภาษาแบบองค์รวมจะเน้นการนำรวมวรรณกรรมต่าง ๆ ที่ดีมาเป็นสื่อการสอน เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ภาษาที่หลากหลาย สามารถนำไปเป็นแบบอย่างการใช้ภาษาของตนเองและใช้ได้ในสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนภาษาแบบองค์รวมจึงเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและยึดหลักการประชาธิปไตยในชั้นเรียน </div><div align="left"><br /><strong>หลักการสอนภาษาแบบองค์รวม</strong></div><div align="left"> กูดแมน (1996) ได้เสนอแนะหลักการของการสอนภาษาแบบองค์รวมได้ดังนี้</div><div align="left">1. หลักการสอนอ่านและเขียนภาษาแบบองค์รวม</div><div align="left"> 1.1. ผู้อ่านจะต้องเก็บข้อมูลและทำความเข้าใจความหมายของข้อความที่อ่านในระหว่างการอ่านโดยใช้ความรู้และประสบการณ์เดิมของตนเข้าช่วยเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น มีงานวิจัยด้านการอ่านมากมายที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่า ผู้อ่านที่มีประสบการณ์ หรือความรู้เดิมในสาขานั้น ๆ จะสามารถอ่านได้ดีและเข้าใจเร็วกว่าผู้ไม่มีประสบการณ์</div><div align="left"> 1.2. ในระหว่างการอ่าน ผู้อ่านจะต้องใช้กลวิธีในการอ่าน ที่จะช่วยให้เข้าใจข้อความที่อ่านได้หรือที่เรียกว่า กระบวนการอ่าน ซึ่งจะเกิดขึ้นกับผู้อ่านได้หรือที่เรียกว่า กระบวนการอ่าน ซึ่งจะเกิดขึ้นกับผู้อ่านทุกคนในขณะที่อ่านเป็นขั้นตอน อันประกอบด้วยการตั้งสมมติฐานหรือการคาดการณ์ล่วงหน้า การเลือกสรรความหมายของคำหรือข้อความ และสนับสนุนความหมายที่ถูกต้อง แต่หากเกิดความผิดพลาดก็สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ด้วยตนเอง ทุกขั้นตอนดังกล่าวจะเกิดขึ้นในขณะที่อ่านตลอดเวลา ทั้งผู้ที่มีความสามารถในการอ่านระดับสูงหรือผู้ที่เริ่มเรียนการอ่าน</div><div align="left"> 1.3. ด้านการเขียน แนวการสอนภาษาแบบองค์รวม จะเน้นให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างการอ่านและการเขียน ซึ่งจะเกิดขึ้นต่อเนื่องกันตลอดเวลาผู้อ่านมากจะมีข้อมูลในการเขียนมาก ดังนั้นในการเขียนควรฝึกให้ผู้เขียนมีข้อมูลหรือรายละเอียดที่เหมาะสมเพียงพอ สามารถผลิตงานเขียนที่มีผู้อ่านเกิดความเข้าใจ สามารถรับสารของผู้เขียนได้</div><div align="left"> 1.4. การเขียนต้องคำนึงถึงระบบของภาษาซึ่งประกอบด้วยตัวสัญลักษณ์และเสียง (grapho phonic system) หลักเกณฑ์ไวยากรณ์ (syntactic system) และการสื่อความหมาย (semantic system) ทั้งสามระบบต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างถูกต้องในการเขียน จึงจะทำให้ผู้อ่านสามารถตีความหมายและเข้าใจข้อความนั้นอย่างถูกต้อง</div><div align="left"> 1.5. จุดมุ่งหมายหลักของการอ่านคือ ความหมายและความเข้าใจในบทความที่อ่าน (comprehend sion of meaning) ส่วนจุดมุ่งหมายในการเขียน คือ สื่อความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจตามจุดประสงค์ของผู้เขียน (expression of meaning)</div><div align="left"> </div><div align="left">2. หลักการจัดการเรียนการสอนภาษาแบบองค์รวม</div><div align="left"> 2.1. ส่งเสริมการอ่านภายในโรงเรียน จัดหาหนังสือหรืออุปกรณ์ส่งเสริมการอ่านต่าง ๆ ที่มีความหมายส่งเสริมประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนความรู้ ความเพลิดเพลิน โดยจัดให้ หลากหลายสาขาและมีแบบแผนการเขียนที่แตกต่างกัน เป็นแบบอย่างการใช้ภาษา</div><div align="left"> 2.2. ส่งเสริมให้รักการอ่าน โดยจัดเตรียมหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ให้ตอบสนอง ความต้องการของผู้เรียนและสังคม จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะแก่การอ่าน มีหนังสือมากมายหลายประเภทให้เลือกซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้เรียนอยากอ่านเองเพื่อความสนุกสนานและพอใจ มิใช่การบังคับให้อ่าน การอ่านด้วยความพอใจและการอ่านโดยการบังคับให้ผลต่อการพัฒนาการอ่านต่างกัน</div><div align="left"> 2.3. ในการเรียนการสอนทั้งผู้สอนและผู้เรียนจะต้องมีจุดประสงค์ย่อยในส่วนของตนเองที่ต่างกัน ผู้สอนจะต้องเน้นการพัฒนาการใช้ภาษาของผู้เรียนในการอ่านการเขียน ส่วนผู้เรียนจะเน้นการนำภาษาไปใช้ในการอ่านและการเขียนเพื่อสื่อความหมายตามที่ต้องการ ผู้สอนควรพยายามให้ผู้เรียนมีความกล้าในการใช้ภาษารูปแบบใหม่ ๆ ที่หลากหลายโดยไม่กลัวความผิดและพร้อมที่จะแก้ไขได้เสมอซึ่งจะทำให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าผู้ที่ไม่กล้าใช้ภาษา เมื่อใช้ได้ถูกต้องผู้เรียนจะมีความมั่นใจและมีพลังการใช้ภาษา ได้อย่างดี</div><div align="left"> 2.4. ผู้สอนต้องเน้นให้ผู้เรียนรู้จักใช้กระบวนการอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความชำนาย ประกอบกับความรู้เดิมพื้นฐาน จะทำให้สามารถพัฒนาการอ่านได้อย่างรวดเร็ว<br /></div><div align="left"><strong>รูปแบบเรียนรู้ ภาษาแบบเดิม รูปแบบเรียนรู้ ภาษาตามธรรมชาติ</strong></div><div align="left">• เน้นการสอนโดยตรงจากครู ซึ่งถูกควบคุมโดยหลักสูตรโปรแกรมการสอนที่กำกับอยู่</div><div align="left">• มีพฤติกรรมที่เป็นต้นแบบของการเรียนรู้ (สกินเนอร์) </div><div align="left">• การเรียนรู้เป็นแนวทางที่ต้องเริ่มต้นจากง่ายไปหายากและซับซ้อน จากทักษะย่อยไปสู่ทักษะใหญ่ขึ้น </div><div align="left">• การเรียนพูด - เขียน ให้ถูกต้อง เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสร้างนิสัย ดังนั้นหากพูดหรือเขียนผิด ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ถือว่าคำผิดเป็นสิ่งร้ายแรง </div><div align="left">• เมื่อถือว่าความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญดังนั้นการปล่อยให้เด็กทดลอง กล้าทำอะไรนอกรูปแบบ จึงเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์</div><div align="left">• ผู้เรียนทุกคนต้องเรียนและทำสิ่งที่ครูสอนให้ได้ เหตุนี้เองเด็กจำนวนมากจึงต้องประสบกับความล้มเหลวอยู่เสมอ</div><div align="left">• ความสามารถในการทำงานให้ถูกต้องทั้งการเขียนจะใช้เป็นหลักฐานเครื่องวัดผลคะแนนการเรียนรู้</div><div align="left">• เน้นการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งได้รับการแนะนำช่วยเหลือ โดยครู แต่ไม่ใช่ถูกควบคุม แต่ครูเป็นผู้เรียนรู้ร่วมกันไปพร้อมกับเด็ก</div><div align="left">• การเรียนรู้ด้านสติปัญญาจะเป็นรูปแบบ ควบคู่ไปกับด้านสังคม (ไวกอตสกี และ ฮอลลิเดย์)</div><div align="left">• ทุกสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ มองว่าเป็นการเรียนรู้ ที่อยู่ภายใต้องค์รวมที่มีความหมายต่อเด็กทั้งหมด ที่เด็กซึมซับประสบการณ์ไว้</div><div align="left">• การเรียนรู้ถูกมองว่าเป็นผลของกระบวนการทางสติปัญญาที่น่าจะได้รับการช่วยเหลือ สนับสนุนจากครูและเพื่อน ๆ ร่วมกัน</div><div align="left">• การกล้าทดลอง กล้าเสี่ยงซึ่งอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นบ้าง ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดต่อการเรียนรู้ของเด็กเพื่อสร้างกำลังใจและความมั่นใจ</div><div align="left">• ผู้เรียนแต่ละคนถูกมองว่ามีความแตกต่างกันในการเรียนรู้และมีระดับการพัฒนาได้ไม่เท่ากัน แต่ละคนมีวิถีทางของตนเอง ดังนั้น จึงไม่มีคำว่า “ล้มเหลว” เกิดขึ้น</div><div align="left">• ความสามารถที่จะเข้าใจและประยุกต์นำความรู้ไปใช้ และสามารถคิดได้อย่างผู้รู้ จะใช้เป็นรากฐานการเรียนรู้ เช่นเดียวกับความสามรถในการใช้วิธีการต่าง ๆ ในการทำงานในสถานการณ์ต่าง ๆ<br /><br /><br /><strong>อ้างอิง</strong> : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=monsawan&month=11-08-2007&group=6&gblog=1</span></div>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1250520996759257313.post-34918076394371898202009-11-06T01:10:00.000-08:002009-11-06T01:20:31.583-08:00เรียนครั้งที่ 1<div>1. ความหมายของวิชาการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย<br />การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ควรจัดให้สอดคล้องกับลำดับขั้นพัฒนาการของเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีการพัฒนาไปอย่างเป็นลำดับขั้นตอน และมีประสิทธิภาพ ครูผู้สอนควรมีการจัดการสอนให้เด็กได้มีการพัฒนาการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง สามารถสื่อความหมายได้ตรงตามความต้องการ<br /></div><div> </div><div>2. สภาพบรรยากาศในห้องเรียน<br />ควรจัดสภาพให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ให้เด็กรู้สึกกลัวที่จะเรียนรู้ เด็กต้องมีความสุขที่ได้เรียน ควรมีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย ให้เด็กได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และสนุกสนาน เช่น การจัดให้มีการแสดงบทบาทสมมติ<br /><br />3. การจัดประสบการณ์เป็นการดำเนินงานตามขั้นตอน ตามแบบแผนที่วางไว้ โดยคำนึงถึงลำดับพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย ให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยมีพฤติกรรมการแสดงออกของเด็กแต่ละคนเป็นตัววัดความแตกต่าง<br />ของผลที่ได้รับ<br /><br />การจากเปรียบเทียบนิยามข้อที่ 1 กับ ข้อที่ 3 มีความสอดคล้องคล้ายคลึงกันในเรื่องของการคำนึงถึงขั้นพัฒนาการของเด็ก</div><br /><div><br /><span style="color:#6633ff;"><span style="font-size:130%;">การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนแบบแผนที่วางไว้ โดยคำนึงถึงพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย ให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการช่วยสื่อความหมาย โดยมีพฤติกรรมการแสดงออกของเด็กแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันเป็นตัวชี้วัด</div></span></span><p align="center"><a href="http://3.bp.blogspot.com/_n2khg0Q5Ndk/SvPpNNm1arI/AAAAAAAAABo/eBAAWRyIJNQ/s1600-h/101.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5400916791347473074" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 302px; CURSOR: hand; HEIGHT: 32px" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_n2khg0Q5Ndk/SvPpNNm1arI/AAAAAAAAABo/eBAAWRyIJNQ/s320/101.gif" border="0" /></a></p>น.ส.เพ็ญศรี โกศล (แป้ง)http://www.blogger.com/profile/14512274853318431721noreply@blogger.com1